พฤติกรรมีที่ทำให้ "เสียหมา"
เวาจะเลือกรับสุนัขมาเลี้ยงซักตัว จะมีวิธีดูอุปนิสัยของเขายังไง จะรู้ได้ยังไงว่าเขานิสัยดีรึเปล่า? ...
เป็นคำถามที่ตอบยากมากๆ จะว่าไปก็เหมือนคนเราเพิ่งเจอหน้ากัน แน่นอนว่าเราอาจจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าคนคนนั้นจะมีนิสัยเป็นยังไง ในน้องหมาก็เช่นเดียวกัน เราอาจจะไม่สามารถรู้ได้แน่ชัดในครั้งแรกที่เราเห็นสุนัขตัวนั้น จะมีลักษณะนิสัยอย่างไร สอนยากหรือไม่ อาจจะทำได้ดีที่สุดโดยการสืบประวัติสุนัขว่าพ่อแม่ของเขามีนิสัยเป็นอย่างไร เพื่อใช้ประเมินพฤติกรรมของเขา แต่นั่นก็ไม่สามารถบอกได้ 100% หรอกค่ะว่า สุนัขตัวนั้นจะมีนิสัยดีหรือไม่ เพราะนอกเหนือจากเรื่องของพันธุกรรมของสุนัขแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่มีผลต่ออุปนิสัยของสุนัข เช่น สิ่งแวดล้อม สุขภาพ หรือ การเลี้ยงดู
ปัจจัยสุดท้ายดูเหมือนจะเป็นปัจจัยที่มีผลต่ออุปนิสัยของสุนัขมากที่สุด เพราะวิธีการเลี้ยงดูของผู้เลี้ยงย่อมส่งผลโดยตรงทั้งต่อสุขภาพกาย และสุขภาพจิตของสุนัข เราเลี้ยงสุนัขด้วยวิธีแบบไหน เขาก็จะมีนิสัยแบบนั้น สุนัขในคอกเดียวกัน ถูกนำไปแยกกันเลี้ยง พฤติกรรมและอุปนิสัยต่างๆ ก็อาจจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของผู้เลี้ยงและวิธีการเลี้ยงสุนัขว่าผู้เลี้ยงปฏิบัติต่อเขาอย่างไร และเลี้ยงเขาด้วยความเข้าใจจริงๆ หรือเลี้ยงโดยเอาความรู้สึกของมนุษย์ตัดสิน
หลายครั้งพบว่า สุนัขที่มีปัญหาทางด้านพฤติกรรมมีที่มาของปัญหามาจากการเลี้ยงดูที่ผิดวิธี โดยที่ผู้เลี้ยงเองก็ไม่รู้ว่าการเลี้ยงสุนัขแบบที่เป็นอยู่นั้นส่งผลให้น้องหมามีปัญหาในด้านพฤติกรรม และเมื่อไม่รู้ที่มาของปัญหาแล้วก็ทำให้ไม่สามารถหาทางแก้ไขปัญหานั้นได้ ทำให้ในระยะยาวไม่เป็นผลดีต่อทั้งตัวผู้เลี้ยงเองและตัวสุนัขด้วย
นอกจากนี้ การอุ้ม การปลอบ สุนัขเหมือนเป็นการสนับสนุนชื่นชมการกระทำของเขา ณ ขณะนั้นว่าเป็นสิ่งถูกต้อง และเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ผลเสียที่จะตามมาก็คือ เวลาออกไปนอกบ้านสุนัขอาจจะไปแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวใส่สุนัขแปลกหน้า และอาจจะถูกทำร้ายได้
ดังนั้นถ้าผู้เลี้ยงคนไหนรู้ตัวว่าชอบอุ้ม ชอบโอ๋ เวลาที่เขาเห่าหรือร้องครางเสียงดังเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ ควรเลิกพฤติกรรมนี้ทันทีเลยนะคะ เพราะอย่างที่บอกค่ะว่าการอุ้ม การโอ๋ จะเป็นการส่งเสริมให้สุนัขมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมรุนแรงมากขึ้น
ตามประสาคนรักสุนัขเวลาผู้เลี้ยงกินอะไร แล้วสุนัขมานั่งจ้องตาแป๋ว หรือร้องครางหงิงๆ ผู้เลี้ยงก็มักจะอดใจอ่อนไม่ได้ต้องยอมแบ่งอาหารที่กำลังกินอยู่ให้ มองดูเผินๆ แล้วพฤติกรรมการเลี้ยงแบบนี้ก็ไม่ได้ดูเลวร้ายอะไร เพราะก็เป็นเหมือนการแสดงความรักที่ผู้เลี้ยงมีให้ แต่จริงๆ แล้วพฤติกรรมการแบ่งอาหารให้สุนัข ขณะที่ผู้เลี้ยงกำลังกินอาหารอยู่นั้น จะเป็นการสร้างนิสัยและความเข้าใจที่ผิดให้สุนัข
การแบ่งอาหารให้ในขณะที่ผู้เลี้ยงกินอาหารอยู่ ในทางจิตวิทยาพฤติกรรมนี้จะส่งเสริมให้สุนัขเข้าใจว่า ตัวเองมีอำนาจอยู่ในระดับเดียวกับผู้เลี้ยง เพราะสามารถแสดงพฤติกรรมที่ทำให้ผู้เลี้ยงยอมแบ่งอาหารให้แก่ตัวเองได้
ทั้งนี้ โดยธรรมชาติการอยู่รวมกันเป็นฝูงของสุนัข ตัวที่เป็นจ่าฝูงจะได้กินอาหารก่อนตัวอื่นๆ ถ้าหากผู้เลี้ยงเข้าใจกฏในฝูงข้อนี้แล้ว เจ้าของก็สามารถนำมาปรับใช้กับหมาของตัวเองได้โดยการที่ก่อนจะให้อาหาร ผู้เลี้ยงและสมาชิกในครอบครัวจะต้องกินอาหารให้เรียบร้อยก่อน หรืออย่างน้อย ก็ควรจะกินของว่าง หรือขนม ให้สุนัขเห็นก่อนว่า จ่าฝูงกินแล้ว ต่อไปลูกฝูงถึงจะได้กิน
และอีกสิ่งที่ต้องทำห้ามละเลยเด็ดขาดก็คือ ระหว่างผู้เลี้ยงกินอาหาร ไม่ควรส่งอาหารบนโต๊ะให้เป็นอันขาด ผู้เลี้ยงจะต้องใจแข็ง และไม่ยอมใจอ่อนตามสายตาเว้าวอนของสุนัข โดยเหตุผลที่ต้องห้ามยื่นอาหารบนโต๊ะให้ก็เพราะว่า การที่ผู้เลี้ยงยื่นอาหารของตนให้ก็เหมือนกับว่า สุนัขมีอำนาจมากกว่าผู้เลี้ยง สามารถบังคับให้ผู้เลี้ยงแบ่งอาหารให้ตนเองได้
บ่อยครั้งที่เรามักพบว่าเหล่าคนเลี้ยง เลี้ยงสุนัขประหนึ่งลูกสาว - ลูกชาย ประคบประหงมเลี้ยงดูอย่างดีถึงขึ้นที่ให้นอนร่วมเตียงเดียวกัน ในมุมของคนรักสุนัขก็ดูเป็นภาพที่อบอุ่นดี แต่ถ้าหากมองถึงในเรื่องพฤติกรรม เราจะต้องไม่ลืมว่าโดยสัญชาตญาณแล้ว สุนัขเป็นสัตว์ที่มักจะแสดงความเป็นเจ้าของในบริเวณอาณาเขตของตัวเอง การที่ผู้เลี้ยงปล่อยให้กระโดดขึ้นไปนอนเล่นบนเตียงได้ตามใจชอบ หรือปล่อยให้นั่งอยู่ในพื้นที่ที่เสมอกับผู้เลี้ยง นั่นแสดงว่า สุนัขกำลังมีพฤติกรรมแสดงตัวอยู่เหนือเจ้าของซึ่งถ้าหากปล่อยไว้ในระยะยาว ปัญหาที่จะเกิดขึ้นแน่นอนคือ สุนัขจะไม่เคารพในอำนาจความเป็นจ่าฝูงของผู้เลี้ยง ทำให้ผู้เลี้ยงไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ของสุนัขได้ ไม่เพียงแค่อาจจะยึดเตียงหรือโซฟาของผู้เลี้ยงเป็นอาณาเขตของตัวเอง และข่มขู่เมื่อมีผู้เข้ามาในบริเวณนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลที่ผู้เลี้ยงไม่ควรให้สุนัขมีอิสระในการเลือกพื้นที่อยู่มากจนเกินไป เจ้าของควรเป็นผู้กำหนดว่า พื้นที่บริเวณไหนที่สามารถเข้าไปได้ และพื้นที่บริเวณไหนที่ห้ามเข้าไปยุ่ง
ดังนั้น ผู้เลี้ยงจึงควรทำความเข้าใจถึงการจำกัดพื้นที่สุนัขด้วยการใช้กรงหรือล่ามว่าทำเพื่ออะไร และควรมีวิธีฝึกให้อยู่ในกรงหรือเดินมาหาโซ่ล่ามอย่างถูกวิธี เพื่อที่จะให้รู้สึกคุ้นเคยและไม่หวาดกลัวการถูกจำกัดบริเวณ จำไว้นะคะว่า การให้สุนัขเข้ากรง หรือ ล่ามโซ่ ไม่ควรใช้กับการทำโทษ แต่ใช้เพื่อฝึกให้สุนัขมีระเบียบวินัยและรู้จักพื้นที่ของตัวเองเท่านั้น
ที่มา http://www.dogilike.com/content/train/1901/